ถ้าพูดถึงมวยไทยในยุคโทรทัศน์เฟื่องฟู ชื่อของ มวยไทย 7 สี คือหนึ่งในเวทีที่คนไทยรู้จักมากที่สุด และอยู่คู่หน้าจอคนดูมานานนับหลายสิบปี ไม่ใช่แค่เป็นรายการมวยยอดนิยมในวันอาทิตย์เท่านั้น แต่มวยไทย 7 สีคือสังเวียนที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ความเข้มข้น และประวัติศาสตร์ที่ผลักดันวงการมวยไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงในระดับประเทศ แม้หลายคนจะรู้จักมวยไทย 7 สีจากการถ่ายทอดสดที่เต็มไปด้วยหมัดศอกเข่าครบเครื่อง แต่เบื้องหลังเวทีนี้ยังมีเรื่องราวที่ลึกซึ้งกว่าการแข่งขัน 3 ยก ทั้งในแง่ของผู้ก่อตั้ง แนวคิดในการสร้างเวที ไปจนถึงบทบาทสำคัญต่อวงการมวยไทยระดับประเทศ

ต้นกำเนิดมวยไทย 7 สี เริ่มจากความตั้งใจผลักดันกีฬามวยสู่สื่อกระแสหลัก

มวยไทย 7 สีเริ่มต้นขึ้นในยุคที่โทรทัศน์เริ่มแพร่หลายสู่บ้านคนไทยทั่วประเทศ โดยมีสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เป็นผู้ริเริ่มจัดการแข่งขันเพื่อเผยแพร่กีฬามวยไทยสู่ผู้ชมในวงกว้าง โดยออกอากาศเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ช่วงบ่าย จุดเด่นของรายการนี้คือ “ความเข้มข้นทุกคู่” เพราะการจัดคู่อย่างสมศักดิ์ศรี คัดแต่นักมวยที่มีชื่อเสียง มีฝีมือจริง และสร้างความดุเดือดบนเวที จึงไม่แปลกที่แฟนมวยจำนวนมากจะยกให้เวทีมวยไทย 7 สีเป็นหนึ่งในเวทีที่ “ไม่มีคู่เบา” สนามมวยถ่ายทอดสดเดิมเคยจัดที่เวทีลุมพินี ก่อนจะย้ายมาจัดประจำที่สนามมวยช่อง 7 สี (บริเวณสถานีโทรทัศน์ช่อง 7) ซึ่งกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของนักชกไทยหลายคน เพราะการได้ขึ้นชกที่นี่หมายถึงการได้แสดงฝีมือสู่สายตาทั้งประเทศ

มวยไทย 7 สี คือสนามสร้างชื่อของนักมวยหลายคนที่ก้าวไกลถึงระดับแชมป์

นักมวยชื่อดังหลายคนในยุค 90s จนถึงปัจจุบัน ล้วนเคยมีชื่อเสียงโด่งดังจากเวทีนี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น

  • สามารถ พยัคฆ์อรุณ
  • แสนชัย ส.คิงส์สตาร์
  • หนึ่งล้านเล็ก จิตรเมืองนนท์
  • ป้อมเพชร ศิษย์หนุ่มน้อย
  • ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม

นักชกที่สามารถยืนระยะบนเวทีช่อง 7 ได้ ถือเป็นของจริงในสายตาแฟนมวย เพราะกว่าจะได้ขึ้นเวที ต้องผ่านการคัดเลือกที่เข้มข้น ชนะมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

กติกา 3 ยกเอกลักษณ์เฉพาะของเวที 7 สี

อีกหนึ่งความแตกต่างของมวยไทย 7 สี คือการชก 3 ยก ซึ่งแตกต่างจากเวทีมวยมาตรฐานที่ชกกัน 5 ยก การลดเหลือ 3 ยกทำให้การแข่งขันต้องเข้มข้นตั้งแต่ยกแรก นักมวยต้องเร่งเกมเร็ว ไม่มีเวลาออมแรง ทำให้ทุกวินาทีในสนามมีโอกาสเกิดความพลิกผันได้เสมอ รูปแบบนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะกระชับ ดุดัน เหมาะกับการถ่ายทอดสด และทำให้แฟนมวยไม่พลาดช่วงสำคัญ อีกทั้งยังสอดคล้องกับจังหวะชีวิตของคนยุคใหม่ที่ชื่นชอบความเร็วและความชัดเจนในผลการแข่งขัน

บทบาทของช่อง 7 ในการผลักดันมวยไทยสู่ระดับประเทศ

การที่มวยไทยได้ออกอากาศสดทางช่อง 7 อย่างต่อเนื่องยาวนานหลายทศวรรษ เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับวงการมวยไทย ทั้งในแง่ของการรับรู้ ความนิยมของแฟนมวย และรายได้ของนักกีฬา แฟนมวยทั่วประเทศสามารถติดตามนักชกขวัญใจได้ทุกสัปดาห์ ขณะที่นักมวยก็มีเวทีให้แสดงฝีมือแบบต่อเนื่อง โดยไม่จำกัดเฉพาะในสนามใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ เท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของนักพากย์ นักวิจารณ์ และผู้จัดมวยรุ่นใหม่จำนวนมากที่เติบโตจากเวทีนี้

สรุปเนื้อหา

มวยไทย 7 สีไม่ใช่แค่รายการมวย แต่มันคือเวทีสร้างชื่อของนักมวย สร้างประวัติศาสตร์ของวงการ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ที่ฝันอยากเข้าสู่วงการต่อสู้แบบจริงจัง ด้วยการจัดการแข่งขันที่ได้มาตรฐาน การนำเสนอที่น่าติดตาม และความมุ่งมั่นของทีมงานในการรักษาคุณภาพตลอดหลายสิบปี นี่คือเวทีที่ไม่ได้สร้างแค่แชมป์ในสนาม แต่มันหล่อหลอมแชมป์ในชีวิตจริงของนักมวยหลายคน และเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของวัฒนธรรมมวยไทยที่ยังคงยืนหยัดในใจแฟนมวยชาวไทยมาจนถึงวันนี้.

บทความแนะนำ